หางาน Part Time ทำที่บ้าน งานอิสระ ทำง่าย ทำได้ไม่จำกัดเวลา

สำหรับคนที่กำลังมองหางานรายได้เสริมทำที่บ้านที่ ให้รายได้ดีจ่ายเป็นรายวันและไม่ทำให้รบกวนเวลาทำงาน หรือเวลาเรียน ทำได้ไม่จำกัดเวลา งานคีย์ข้อมูลผ่านทางเน็ต สนใจอ่านรายละเอียดค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

ใช้ชีวิตอย่างไร ไม่ให้มีเรื่องเสียใจภายหลัง

ความสุข

  เคยคิดเสียใจกับเรื่องบางเรื่องแบบเจ็บใจสุด ๆ กันบ้างไหมเอ่ย พอนึก ๆ แล้วก็ต้องมีอารมณ์ประมาณว่าวันนั้น เหตุการณ์นั้น น่าจะทำอย่างโน้น อย่างนี้ เยอะแยะมากมายเต็มไปหมด แต่ต่อจากนี้ไปคุณอาจจะไม่ต้องมีความรู้สึกแบบนั้นแล้วล่ะ เพราะเราได้นำคำแนะนำดี ๆ จากคุณเทส มาร์แชล จากเว็บไซต์ Goodlifezen.com มาบอกกัน
ฮันแน่! อยากรู้แล้วใช่ไหมว่าข้อควรปฏิบัติดี ๆ ที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้าง จะช้าอยู่ทำไมล่ะ ตามมาดูกันโลดดด…>>>ต่อ

อ่านเพิ่มเติม

ข้อคิด เพื่อสิ่งดีดีในชีวิต

1.อย่าเก็บอดีตมาทำร้ายตัวเอง แต่จงหัดที่จะเรียนรู้จากมัน
2.ดูแลบิดา มารดาให้ดี มีโอกาสรีบทำซะก่อนจะไม่มีท่าน
3.เมื่อมีเรื่อง จงหมั่นปรึกษาผู้อื่น และจงเป็นที่ปรึกษาให้ผู้อื่นด้วย
4.ร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร ให้มันพักผ่อนซะบ้าง
5.สิ่งที่แข็งที่สุด เอาชนะได้ด้วยสิ่งที่อ่อนที่สุด
6.เมื่อประตูบานหนึ่งปิด อีกบานหนึ่งก็เปิด แต่บ่อยครั้งที่เรามัวแต่จ้องประตูบานที่ปิด จนไม่ทันเห็นว่ามีอีกบานเปิดอยู่
7.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หัดเติมให้คนอื่น แล้วเขาจะกลับมาเติมให้คุณเอง
8.อารมณ์ ขันเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สุดที่ช่วยรักษาสิ่งอื่นได้ เพราะทันทีที่เกิดอารมณ์ขัน ความรำคาญและความขุ่นข้องจะจางหายไป กลับกลายเป็นความแจ่มใสของจิตใจเข้ามาแทนที่
9.อย่ากลัว ที่จะนั่งหยุดพัก เพื่อคิด
10. 1 นาทีที่คุณโกรธ เท่ากับว่าคุณได้สูญเสีย 60 วินาทีแห่งความสงบในจิตใจไปแล้ว
11.หนทางเดียวที่จะรักษาภาพพจน์ได้คือการซื่อสัตย์ตลอดเวลา
12.Oxygen สำคัญต่อปอดฉันใด ความหวังก็เป็นฉันนั้นต่อความหมายของชีวิต
14.ความอดทน คือ เพื่อสนิทของสติปัญญา
15.ในธรรมชาติไม่มีสิ่งใดดีพร้อม แต่ทุกอย่างก็สมบูรณ์แบบในตัวเอง ต้นไม้อาจบิดเบี้ยวโค้งงออย่างประหลาด แต่ก็ยังคงความงดงาม
16.มักพูดกันว่า กาลเวลาเปลี่ยนทุกสิ่ง แต่จริงๆแล้ว คุณต้องเปลี่ยนทุกสิ่งด้วยตนเอง
17.จงรู้ตัวอยู่เสมอว่าตอนนี้กำลังทำอะไร ที่ทำอยู่มีผลดีผลเสีย
มีประโยชน์หรือไร้ประโยชน์
18.อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า
19.อย่าอ่านข้อความที่มีประโยชน์เพียงผ่านๆ อ่านแล้วคิด คิดแล้วทำ หมั่นพัฒนาตนเอง
20.รู้จักแบ่งเวลาและหน้าที่ ทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมบ้าง
21.อย่ารอคอยในสิ่งที่ยังมาไม่ถึง อย่ากลัวในสิ่งที่ตนสามารถสู้หรือเปลี่ยนแปลงมันได้
22.อย่าเสียใจกับสิ่งที่เลวร้ายหรือสูญเสียไปแล้ว มันไม่กลับมา  แต่คุณสามารถทำมันใหม่ หรือเรียนรู้จากมันได้
23.ให้อภัยแก่ตนเองและผู้อื่น คนไม่ผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไร
24.อย่าเห็นแก่ตัว จงเป็นฝ่ายให้มากกว่ารับ
25.คำพูดให้กำลังใจคนได้ ปลอบใจได้ ยุให้ทะเลาะกันได้ ทำให้เสียความรู้สึกได้ จงรู้จักที่จะพูด
26.คุณซื้อนาฬิกาได้ แต่คุณซื้อเวลาไม่ได้ ตอนนี้มีใครคอยคุณอยู่หรือเปล่า? ถ้ามีก็กลับไปหาซะ
27.อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคร้ายที่สุด และอย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่โชคดีที่สุด
28.ปริศนาในเกมคุณแก้ได้ แล้วทำไมปริศนาในชีวิตคุณแก้ไม่ได้ ในเมื่อบทสรุปก็อยู่ในตัวคุณเอง?
29.มีเรื่องราวอีกมากมายที่ไม่ได้เขียนลงในหนังสือ ลองค้าคว้าดูเองแล้วจะรู้
30.ลูกธนูที่ถูกปล่อยออกจากคันธนู อันตรายน้อยกว่าหอกที่แทงมาจากข้างหลัง
31.ตัวคุณมีค่าอยู่แล้ว อยู่ที่คุณรู้จักดึงมันออกมาใช้ได้รึเปล่า?
32.หาความสุขของตัวเองให้เจอ หัดมีความสุขซะบ้าง เราลืมอดีตไม่ได้แต่เราเลิกคิดได้
33.บางครั้งการอยู่คนเดียวก็ไม่ได้ “เลวร้าย” เสมอไป
34.สิ่งที่คุณปล่อยผ่านๆไปในชีวิต หรือเรื่องที่คุณเห็นว่าไม่สำคัญ ลองกลับมาดูแลตรงนั้นบ้างก็ดี
35.ไม่มีมิตรถาวร และศัตรูที่แท้จริง
36.จงทำวันนี้ให้ดีที่สุดเพื่อตัวเราเอง คนที่เรารัก และคนที่อยู่รอบกายเรา
37.เมื่อคิดจะทำอะไร หากคิดมากไป แล้วเมื่อใดจะได้ลงมือทำ
38.อย่าปล่อยโอกาสให้ผ่านไป โดยที่ยังไม่พยายาม
39.หากอยากประสบความสำเร็จ จงทำงานที่ตัวเองถนัด อย่าหวังพึ่งพาผู้อื่น
40.งานหนักเพียงใด หากทำด้วยใจและความสุข เราแทบจะไม่รู้สึกเหนื่อยเลย
41.จิตจะสงบได้อย่างไร หากมัวแต่ใส่ใจคำพูดของคนอื่น
42.มองโลกในแง่ดี ชีวิตจะมีความสุข
43.ทำอะไรจงทำให้ดี เพราะจะไม่มีคำว่าเสียใจในสิ่งที่ทำ
44.ความกตัญญู คือ คุณค่าของคนที่น่านับถือ
45.จงทำตัวให้มีประโยชน์ต่อสังคมและแผ่นดินแชร์มาจาก: http://fahsai26.myfri3nd.com/blog/2011/05/19/entry-5

เงินสี่ด้าน

 

E (Employee) – ลูกจ้าง –   รับค่าตอบแทนเป็นเงินเดือน – รายได้ตามตำแหน่งงานที่ได้รับมอบหมาย   – นายจ้างเป็นผู้กำหนดวิถีชีวิตและเงินเดือนให้คุณ – ขาดอิสรภาพ ต้องเซ็นต์ชื่อ   ตอกบัตร – ตกงานเท่ากับล้มละลาย (ตกงาน 3 เดือน   ไม่ต่างจากคนล้มละลาย) – อยู่ในวงจรหนี้สิน ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ ฯลฯ
B (Business Owner) – เจ้าของธุรกิจ – มีทุน – หาคนเก่งๆ มาทำงานให้ –   ไม่ทำก็มีรายได้ B มีหลายประเภท – บริษัท – แฟรนไซน์ – การตลาดแบบเครือข่าย (เป็นช่องทางที่จะเป็น เจ้าของกิจการ   ที่มีความเสี่ยงน้อย)
S   (Self-employed) – ทำธุรกิจส่วนตัว – ขายเวลาแลกกับเงิน จ้างตัวเองทำงาน –   ชอบคิดเองทำเอง, ควบคุมทุกอย่างด้วยตัวเอง – ขาดประสบการณ์   – เจอคู่แข่งที่มีทุนหนากว่า – อาจจะทนทำ   เพราะชอบ อิสระ แต่ไม่มี อิสรภาพ
I   (Investor) – นักลงทุน – ไม่ได้ทำงานเพื่อเงิน –   มองผลตอบแทนจากการปันผล ดอกเบี้ย – ซื้อกิจการมาปรับปรุง แล้วขายต่อ

 

คนฝั่งซ้าย
คนฝั่งขวา
มี ความกลัว เป็นตัวขับเคลื่อน
มี ความฝัน (ความใฝ่ฝัน)   เป็นตัวขับเคลื่อน
ยึดติดกับงานประจำ
พยายามสร้างงาน
รายได้จำกัด
รายได้ไม่จำกัด
คิดเองทำเอง
ทำงานเป็นทีม
ไม่มีเป้าหมายในชีวิต
มีเป้าหมายชัดเจน
มองเห็นอุปสรรค
มองเห็นโอกาส
ไม่เข้าใจคำว่า ทรัพย์สิน หนี้สิน
เข้าใจคำว่าทรัพย์สิน – หนี้สิน
ทำงานเพื่อเงิน
ใช้เงินทำงาน
คิดถึงความเสี่ยง
คิดถึงความน่าเสี่ยง
ยึดติดกับสิ่งเก่า
เรียนรู้สิ่งใหม่
ลงทุนในสิ่งที่เห็น
ลงทุนในสิ่งที่คิด
ไม่มีแผนงาน
มีแผนงานชัดเจน
ดำเนินชีวิตด้วยตัวเอง
มีที่ปรึกษา
ชอบออกความเห็น
ชอบหาความจริง
ชอบมีเงินสดเยอะๆ
ชอบมี กระแสเงินสด สม่ำเสมอ
ชอบเป็นผู้จัดการ
ชอบเป็นผู้นำ
ชอบแสดงตัวว่าเก่ง
ชอบมองหาคนเก่ง
ชอบวิธีการ
ชอบวิธีคิด
ชอบการเฉลี่ย (ขจัดความเสี่ยง)
ชอบการจดจ่อ (Focus)
ถูกระบบความคุม
ความคุมระบบ
เป็นส่วนหนึ่งของระบบ
เป็นเจ้าของระบบ
เรียนเพื่อประกาศนียบัตร
เรียนเพื่อหาความรู้
ชอบเป็นผู้เชี่ยวชาญ
ชอบเป็นผู้รอบรู้
ทำงานเพื่อคนอื่น
สร้างงานเพื่อคนอื่น
อยากทำบุญแต่ไม่มีงบ
ทำบุญทุกครั้งที่มีโอกาส

 

ท่านจงเลือกเอาเองว่า จะอยู่  ฝั่งซ้าย หรือ  ฝั่งขวา ของ เงินสี่ด้าน

 

ที่มา : หนังสือพ่อรวยสอนลูก ชุดโรงเรียนสอนธุรกิจ

ข้อควรรู้เรื่องการนอน

เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่าวิธีพักผ่อนที่ดีที่สุดคือการนอน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะหลับสบายยามหัวถึงหมอน หรือหลับได้ทุกที่ทุกสถานการณ์ การนอนสำคัญและเกี่ยวข้องกับปัจจัยอื่นๆ มากกว่าที่คุณคิด ถ้าคุณมีอาการนอนไม่หลับ หลับไม่สนิท หรือง่วงหลับประจำตอนกลางวัน สาเหตุใดที่เป็นปัญหาที่กวนใจแท้จริง และปัญหาใดเป็นความเชื่อผิดๆ กันแน่
ความเชื่อ : ขณะนอนหลับพักผ่อน ร่างกายกับสมองจะหยุดพักไปด้วย

ข้อเท็จจริง : ในขณะหลับร่างกายจะหยุดพักผ่อนตามไปด้วย แต่สมองยังคงทำงานอยู่ การนอนหลับเป็นการลดภาระให้สมองทำงานเบาลง เสมือนว่าได้รับการชาร์ตแบตเตอรี่เพื่อเตรียมพร้อมทำงานในวันต่อไป แต่ก็ยังคงต้องควบคุมการทำงานอวัยวะต่างๆ ของ ร่างกายอยู่ ไม่ว่าจะเป็นระบบหายใจ ระบบประสาท ฯลฯ
ความเชื่อ : ผู้สูงอายุไม่จำเป็นต้องนอนมาก

ข้อเท็จจริง : ไม่จริง ผู้สูงอายุต้องการนอนหลับพักผ่อนประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เช่นเดียวกับคนวัยหนุ่มสาวทั่วไป ทั้งนี้อายุที่มากขึ้น ประกอบกับการทำงานของอวัยวะในร่างกายเริ่มเสื่อมไปตามเวลา ทำให้กิจวัตรประจำวันเปลี่ยนแปลงไป ส่งผลทำให้พฤติกรรมการนอนไม่เหมือนเดิม นอนหลับได้น้อยชั่วโมงลง หรือหลับๆ ตื่นๆ ตลอดคืน แต่ไม่ว่านอนหลับได้ไม่เต็มอิ่มอย่างไร ร่างกายก็ยังคงต้องการเวลาพักผ่อนให้ได้ 7-9 ชั่วโมง

ความเชื่อ : การนอนหลับพักผ่อนน้อยเป็นประจำ ร่างกายจะชินและไม่ต้องการนอนมากอย่างที่เคย

ข้อเท็จจริง : ไม่จริง เคยมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องการนอนว่า ในวัยผู้ใหญ่หากนอนให้ได้ประมาณ 7-9 ชั่วโมงทุกวัน จะส่งผลให้สุขภาพร่างกายโดยรวมดีอย่างน่าทึ่ง หากวันไหนนอนหลับได้ไม่เพียงพอ ร่างกายก็จะชดเชยชั่วโมงนอนที่ขาดรวมกับชั่วโมงนอนในอีก 2-3 คืนถัดไป ไม่ว่าเราจะนอนน้อยเป็นประจำหรืออดนอนเป็นประจำแค่ไหน ร่างกายไม่มีวันชินหรือยอมรับให้นอนน้อยได้ตลอด เพราะเป็นการฝืนธรรมชาติการพักผ่อนที่ร่างกายต้องการ
ความเชื่อ : ง่วงหาวตอนกลางวันแสดงว่านอนไม่พอ

ข้อเท็จจริง : จริง สาเหตุของอาการง่วงหาวตอนกลางวันอาจมีส่วนหนึ่งมาจากการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ แต่ก็อาจเกิดกับคนที่นอนหลับเต็มอิ่มได้ด้วย และถ้าง่วงผิดสังเกตอาจเป็นสัญญาณเตือนว่ามีเรื่องสุขภาพอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง เช่น การกรนหรือหยุดหายใจขณะหลับ ทำให้ร่างกายขาดการพักผ่อนอย่างเต็มที่ จำเป็นต้องไปปรึกษาแพทย์ต่อไป
ความเชื่อ : นอนน้อยมีผลต่อน้ำหนัก

ข้อเท็จจริง : จริง หากนอนหลับไม่เพียงพอก็จะส่งผลต่อระบบฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะฮอร์โมนเลปตินและเกรลิน ส่งผลทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ฮอร์โมนทั้ง 2 ทำหน้าที่มีหน้าที่ควบคุมและสร้างสมดุลความต้องการอาหาร ฮอร์โมนเกรลินถูกผลิตขึ้นในระบบทางเดินอาหาร มีหน้าที่กระตุ้นความอยากอาหาร ในขณะที่เลปตินถูกผลิตในเซลล์ไขมัน ทำหน้าที่ส่งสัญญาณรับรู้ว่าอิ่มไปยังสมอง เมื่อได้รับอาหารพอดีกับความต้องการ ดังนั้นหากนอนหลับไม่เพียงพอ จะส่งผลทำให้ระดับเลปตินต่ำลง ร่างกายไม่รู้สึกอิ่มอย่างที่ควรจะเป็น ตรงกันข้ามฮอร์โมนเกรลินจะเพิ่มมากขึ้น ทำให้ความอยากอาหารเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นจึงทำให้ร่างกายรับประทานอาหารเกินพอดี น้ำหนักก็เพิ่มมากขึ้น
ดังนั้นการนอนหลับให้เพียงพอประมาณ 7-9 ชั่วโมงต่อวัน เป็นการสร้างเสริมสุขภาพร่างกายที่ดีที่สุด

แหล่งความรู้ที่มาจาก:http://www.baanjomyut.com/

โยเกิร์ต อาหารสุขภาพ

คุณประโยชน์จากโยเกิร์ต

  1. โยเกิร์ตย่อยง่าย เพราะน้ำตาลแลคโตสเป็นตัวหลักที่ทำให้เกิดการแพ้นมหรือท้องเสียถูกเปลี่ยนเป็นกรดแลคติกที่ย่อยง่าย นอกจากนนี้แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังมีเอนไซม์ช่วยย่อยโปรตีนนม เคซีน ซี่งเป็นโปรตีนย่อยยาก ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายขึ้น ลดปัญหาภูมิแพ้ต่อน้ำตาลแลคโตสและ โปรตีนเคซีน
  2. เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและช่วยยับยั้งจุลชีพที่ไม่เป็นมิตรในลำไส้ กรดแลคติคจะช่วยต่อต้านจุลชีพที่อาจให้โทษต่อร่างกายเช่น เชื้อซัลโมเนลา (Salmonella typhidie) อี โคไล ( E. Coli) โคลินแบคทีเรีย( Corynebacteria diphtheriae) ทำให้เชื้อเหล่านี้ไม่สามารถทำอันตรายต่อร่างกายได้ เราควรจะรับประทานโยเกิร์ตอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีกลุ่มแบคทีเรียที่ดีอาศัยอยู่ภายในลำไส้
  3. เป็นแหล่งวิตามิน บี โดยเฉพาะวิตามิน บี1(ไรโบฟลาวิน) แบคทีเรียในโยเกิร์ตยังช่วยสังเคราะห์วิตามิน บีและวิตามิน เค ในลำไส้
  4. ช่วยรักษาโรค ท้องเสีย ท้องเดิน และแผลในกระเพาะ จากการวิจัยพบว่าผู้ป่วยเด็กหายจากอาการท้องเสียเร็วขึ้น หลังจากได้รับประทานโยเกิร์ต
  5. ช่วยทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมดีขึ้น กรดแลคติคในโยเกิร์ตช่วยทำให้การย่อยแคลเซียมในนมดีขึ้นและทำให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียมง่ายขึ้น
  6. เป็นแหล่งโปรตีนชั้นดี ในโยเกิร์ตจะมีโปรตีนมากกว่าในนม 20% และยังเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถดูดซึมไปใด้ด
  7. ช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ แลคโตบาซิลัสช่วยควบคุมปริมาณโคเลสเตอรอลและไตรกลีเซอไรด์ในเลือดได้
  8. ช่วยป้องกันมะเร็ง แลคโตบาซิลัสสามารถจับกับสารก่อมะเร็ง สามารถจับกับโลหะหนัก และกรดน้ำดีซึ่งมีพิษ แลคโตบาซิลัสช่วยยับยั้งกลุ่มแบคทีเรียในลำไส้ที่สร้างสารไนเตรทได้ (สารในเตรทเป็นสารก่อมะเร็งตัวหนึ่ง) และแลคโตบาซิลัสยังช่วยเปลี่ยนสารฟลาโวนอยด์จากพืชให้เป็นสารต้านมะเร็งได้
การใช้นมเปรี้ยวรักษาโรคท้องร่วง ในต่างประเทศมีการใช้นมเปรี้ยว (โยเกิร์ต) รักษาโรคท้องร่วงบ้างแล้ว เช่น การใช้รักษาโรคท้องร่วงในเด็กแต่ลักษณะการใช้เป็นการช่วยเสริมในการรักษา และใช้เฉพาะในกรณีที่มีสาเหตุจากเชื้อโรคธรรมดา ไม่ใช่โรคที่มีการระบาดอย่างรุนแรง ซึ่งมีความจำเป็นต้องใช้ยารักษาโดยเฉพาะ สำหรับในลูกสุกรนั้น พบว่าประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ของโรคท้องเสีย มีสาเหตุมาจากเชื้อโรคที่มีอยู่แล้วในฟาร์ม คือ เกิดจากเชื้อจุลินทรีย์ ที่มีอยู่ในทางเดินอาหารของร่างกาย เมื่อเชื้อเหล่านี้มีปริมาณมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเชื้อโรคอื่น ๆ จะทำให้เกิดการเสียสมดุล จึงทำให้เกิดอาการท้องเสียเกิดขึ้น ซึ่งหลักการในการรักษาคือ การเติมเชื้อจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์เพิ่มเข้าไปปรับให้เกิดความสมดุล จึงทำให้โอกาสเกิดท้องร่วงลดลงได้
สำหรับในนมเปรี้ยว (โยเกิร์ต) มีเชื้อจุลินทรีย์ที่ทราบกันดีคือ เชื้อ Lactobacillus หรือ อาจมีเชื้อชนิดอื่น ๆ ที่บริษัทนั้น ๆ ได้ผลิตขึ้นมา แต่เชื้อจุลินทรีย์ที่ใช้ผลิตนมเปรี้ยวในครั้งนี้ คือ Lactobacillus bulgaricus ซึ่งเป็นจุลินทรีย์ที่เป็นประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร มีลักษณะคล้ายกับนมเปรี้ยวที่มีจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ต่างกันที่เป็นชนิดรสธรรมชาติ ไม่ต้องผสมผลไม้ หรือธัญพืชอื่น ๆ และไม่พร่องมันเนย รวมทั้งแต่ต้องเป็นนมเปรี้ยวที่ยังมีอายุการใช้งานได้อยู่ ยังไม่หมดอายุ หากมีจำนวนสุกรไม่มากก็สามารถนำไปใช้ได้ทันที(โปรดติดตามตอนต่อไป)
จุลินทรีย์ในโยเกิร์ต (Microbiology of natural yogurt)
หัวเชื้อเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในการผลิตโยเกริ์ต ลักษณะที่ต้องการของหัวเชื้อโยเกิร์ตคือ ปลอดจากการปนเปื้อน เจริญได้ดีในส่วนผสมของนมที่ใช้เตรียมโยเกิร์ต ให้กลิ่นรสที่ต้องการ โครงสร้างลักษณะเนื้อดี และต้านทานต่อการเกิด phages และสารปฏิชีวนะ ในการสร้างกลิ่นรส (Flavor) และลักษณะของเนื้อสัมผัส (texure) ต้องใช้หัวเชื้อผสมของ Lactobacillus bulgaricus และเชื้อ Streptococcus thermophilus โดยทั่วไปจะใช้หัวเชื้อทั้งสองชนิดในอัตราส่วนที่เท่ากัน
  • เชื้อ Streptococcus เป็นจุลินทรีย์ที่ก่อให้เกิด diacetyl และสารประกอบที่คล้ายกันซึ่งมีผลต่อกลิ่นรสของครีมเนย (creamy/buttery) ในผลิตภัณฑ์สุดท้าย
  • เชื้อ Streptococci นี้จะช่วยกำจัดออกซิเจนออกจากนมซึ่งถ้าหากเหลืออยู่อาจก่อให้เกิดไฮโดรเจนเพอร์ออกไซด์ การเจริญจะดำเนินต่อไปจนกระทั่งความเป็นกรดถึง pH 5.5 จะมีสารอาหารที่เหมาะสม สำหรับการเจริญของเชื้อ Lactobacilli ต่อไป
  • เชื้อ Lactobacillus bulgaricus มีอุณหภูมิที่เหมาะสมสำหรับการเจริญที่ 45 องศาเซลเซียส และยังให้ปริมาณกรดแลคติคที่มากพอที่จะสร้าง acetaldehyde ซึ่งให้กลิ่นรสเฉพาะของโยเกิร์ตได้ ในกรณีของโยเกิร์ตที่มีกลิ่นรสดีมากจะมีปริมาณ acetaldehyde อยู่ 23-41 ppm คิดเป็นสัดส่วนของสารประกอบที่ให้กลิ่น (volatile flavour compound) ถึง 90 % นอกจากนี้แล้วเชื้อ Lactobacilli จะปล่อยกรดอมิโนบางตัวที่มีผลต่อการเจริญของเชื้อ Streptococci อีกด้วย

แหล่งความรู้ที่มาจาก:http://www.baanjomyut.com/

ธรรมชาติบำบัด

  1. ปวดหัว กินปลามากๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด น้ำมันจากปลามีสรรพคุณป้องกันการปวดหัว กินพร้อมกับขิง จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวลง
  2. แพ้ละออง ทั้งฝุ่นและเกสรดอกไม้ กินโยเกิร์ต หรือนมเปรี้ยว
  3. โรคหัวใจ ดื่มชาเขียว เป็นประจำ สารในชาเขียวช่วยป้องกันไม่ให้ไขมันไปจับตัวตามผนัง หลอดเลือด
  4. โรคนอนไม่หลับ ดื่มน้ำผึ้งเป็นประจำ สารในน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาททำให้นอน หลับฝันดี
  5. โรคหืดหอบ กินหอม ต้นหอม หรือ หัวหอม ก็ได้มีตัวยาทำให้หลอดลมปลอดโปร่ง
  6. โรคไขข้ออักเสบ กินปลาเท่านั้น ได้แก่ ปลาแซลมอน ปลาทูน่า (ปลาโอ) ปลาแมคเคอเรล ปลาซาดีนส์ (ปลากระป๋อง) น้ำมันปลาทำให้โรคไขข้ออักเสบบรรเทาลง
  7. ท้องผูก ท้องอืด กินกล้วย หรือขิง กล้วยทำให้ไม่ท้องผูก ขิงทำให้อาการคลื่นไส้ในตอนเช้า หายไป
  8. ติดเชื้อในถุงกระเพาะปัสสาวะ กินน้ำคั้นจากลูกแคนเบอรี (ไม้เมืองหนาว) กรดเข้ม ข้นในลูกไม้ฆ่าแบคทีเรียได้
  9. โรคหงุดหงิด ฟุ้งซ่าน โดยเฉพาะผู้หญิงสูงอายุ กินข้าวโพดช่วยบรรเทา อาการเครียด วิตกกังวล และความคิดสับสนได้
  10. โรคกระดูกพรุน ทั้งกระดูกเปราะและแตกง่าย กินสับปะรด ซึ่งมีสาร แมงกานีสมาก ช่วยให้กระดูกแข็งแรงได้
  11. ความจำเสื่อม กินหอยนางรม หอยแครงหรือหอยอื่นๆ ซึ่งในเนื้อหอยมีสารสังกะสีช่วยบำรุงสมองได้ดี
  12. เป็นหวัด กินกระเทียม ทำให้จมูกโปร่ง สมองโล่ง กระเทียมช่วยลดไขมันในเลือดได้อีกด้วย
  13. ไอ จาม กินพริกแดง (สารที่ทำยาแก้ไอ สกัดจากพริกแดง) รำข้าวกะหล่ำปลี ช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเพศหญิง เอสโตรเจนได้ในปริมาณที่เหมาะสม ข้อสำคัญ อย่ากินไก่มาก พืชผักที่กินเป็นอาหารประจำวัน นอกจากจะอิ่มท้องแล้ว ยังช่วยสร้างความสมดุลภายในร่างกาย ช่วยป้องกันและรักษาโรคภัยชนิดต่างๆได้ พืชสมุนไพรไทยนั้นนับเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจของคนไทยเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในท้องถิ่น อันควรปกป้องหวงแหนและอนุรักษ์ไว้ให้เป็นมรดกแก่ลูกหลานไทย
  14. มะเร็งเต้านม กินข้าวสาลี รำข้าว และกะหล่ำปลีจะช่วยป้องกันได้ดี
  15. มะเร็งปอด กินส้ม และผักใบเขียว มีวิตามินเออยู่มาก จะช่วยป้องกันการก่อพิษของสารเบต้าแคโรทีน
  16. แผลในกระเพาะอาหาร กินกะหล่ำปลี ซึ่งมีสารเคมีช่วยทำให้แผลเรื้อรังในกระเพาะ อาหาร และลำไส้เล็กหายขาดได้
  17. โรคท้องร่วง กินแอปเปิ้ลสดทั้งเปลือก
  18. เส้นเลือดตีบ กินผลอโวคาโด
  19. ความดันโลหิตสูง กินผลโอลีฟ และผักขึ้นฉ่าย
  20. น้ำตาลในเลือดไม่สมดุล กินผักบร็อกโรลี่ และถั่วลิสง คุณประโยชน์ของพืชสมุนไพร

แหล่งความรู้ที่มาจาก:http://www.baanjomyut.com/

หางาน Part time รายได้เสริมทำที่บ้าน ไม่จำกัดวุฒิ ไม่ต้องมีประสบการณ์

สวัสดีค่ะ สำหรับผู้ที่ต้องการงานเสริมรายได้ อาชีพอิสระ ทำได้ไม่จำกัดเวลา เพียงท่านมีความรู้พื้นฐานด้านคอมพิวเตอร์และ อินเตอร์เน็ต ก็สมารถทำงานกับเราได้ รายได้ดี งานง่ายทำง่าย ทำได้ทุกที่ทุกเวลา ไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์ สนใจเชิญติดต่อเราสิค่ะ

อ่านเพิ่มเติม

งาน Part time ทำที่บ้าน รายได้เสริม หลังเลิกงาน หลังเลิกเรียน ด่วน!

งาน part time สำหรับ นิสิต นักศึกษา คนว่างงาน คนท้อง แม่บ้าน พนักงานบริษัทและคนตกงาน ผู้ที่สนใจ หางานรายได้พิเศษ ทำ ที่ บ้าน ได้งาน พาร์ทไทม์ เสาร์ อาทิตย์ทำเวลาว่าง ช่วงเย็นหลังเลิกงาน หลังเลิกเรียน วันหยุด ระหว่างเรียน เป็นงานพิเศษ รายได้เสริม เพียงแค่มีคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต ก็สามารถสร้างรายได้พิเศษจากที่บ้านได้ ทำงานวันละ 2-3 ชม./วัน งานพิเศษผ่านอินเตอร์เน็ท งานOnline ไม่จำกัดวันและเวลาทำงาน สามรถทำงานพิเศษที่บ้านได้รายได้ดี  อ่านเพิ่มเติม

10 วิธีถนอมกระดูกสันหลัง

1. การนั่งไขว่ห้าง จะทำให้น้ำหนักตัวลงที่ก้นข้างใดข้างหนึ่งเป็นผลให้กระดูกคด
2. การนั่งกอดอกให้หลังช่วงบน สะบัก และหัวไหล่ ถูกยืดยาวออก หลังช่วงบนค่อมและงุ้มไปด้านหน้าทำให้กระดูกคอยื่นไปด้านหน้ามีผลต่อเส้นประสาทที่ไปเลี้ยงแขนอาจทำให้มืออ่อนแรงหรือชาได้
อ่านเพิ่มเติม